Thai

“จงเชื่อมั่นเอาไว้เถิดแม้ว่าจะเหลือเพียงเราคนเดียว”

image

ณ สถานที่ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยหน้าผาสูง 4,000เมตร เป็น ที่ตั้งของเมืองเมืองหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก เป็นเมืองซึ่งเต็มไปด้วยปล่องไฟ ที่ปลายปล่องไฟนั้นมีควันพวยพุ่งออกมาไม่ขาดจนทำให้ อากาศขุ่นมัวไปทั่ว

มีความขุ่นมัวตั้งแต่เช้าจรดเย็น ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองปล่องไฟนี้เหมือนถูกคุมขังด้วย ควันดำ ไม่เคยรู้จักกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ไม่เคยรู้จักกับดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ

image

วันนี้ที่เมืองแห่งนี้กำลังจัดงานเทศกาลวันฮาโลวีน

ซึ่งมีกลุ่มควันผีสิงเข้ามาร่วมด้วย ยิ่งทวีความขุ่นมัวขึ้นไป อีก แล้วอยู่ๆ มีบุรุษส่งของผ่านเข้ามาในท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาสูดควัน เข้าไปจนสำลักออกมา หัวใจที่อยู่ระหว่างทางการนำส่งนั้นได้ลื่นหลุดไปจากมือ บุรุษส่งของ ซึ่งในบรรยากาศขุ่นมัวเช่นนี้จึงยากจะมองเห็นได้ว่ามัน ตกลงไปอยู่ที่แห่งใด บุรุษส่งของล้มเลิกการค้นหาอย่างง่ายดาย และหายกลับ ไปในค่ำคืนมืดมิด ตุบตุ๊บ ตุบตุ๊บ ตุบตุ๊บ เสียงของหัวใจดวงนั้นเต้นอยู่ในมุมหนึ่งของเมืองปล่อง ไฟ

image

หัวใจดวงนั้นไปตกอยู่ใกล้กับกองขยะที่อยู่ห่างจากตัว เมืองออกมา ตุบตุ๊บ ด้วยหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรง ทำให้ขยะต่างๆ นานาที่ถูกทิ้งไว้โดยรอบค่อยๆขยับเข้ามาติดมัน จนใน ที่สุดมนุษย์ขยะจึงได้ถือกำเนิดขึ้น หัวของเขาเป็นร่มหยาบๆเก่าๆ มีแก๊สออกจากปากเสียง ดังฟู่…ฟู่

เขาเป็นมนุษย์ขยะที่สกปรก เป็นมนุษย์ขยะที่ส่งกลิ่นเหม็น มาก เมื่อเขาเงี่ยหูฟัง เขาได้ยินเสียงระฆังดังมาจากที่ไกลๆ เอ๊ะ ท่าทางจะมีคนอื่นอยู่อีกนะ!! มนุษย์ขยะจึงได้ขยับกายออกมาจากกองขยะ

image

เมือเข้าไปถึงในเมืองนั้น เขาเห็นมีพวกปีศาจเต็มไปหมด “เฮ้ย แต่งตัวได้ประหลาดมากเลยนะ”

และเมื่อเขาหันไป ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คือปีศาจฟักทอง “นายนี่มันตัวอะไร?” “ข้าคือผู้ที่กลืนกินไฟแห่งนรก และนำมาส่องแสงใน ค่ำคืนวันฮาโลวีน นามของข้าคือ แจ็ค โอ แลนเทิร์น”

image

ปีศาจหลากหลายชนิดเริ่มเข้ามารวมตัวรอบๆมนุษย์ขยะ “หึ หึ หึ ข้าคือผู้ควบคุมยามราตรีที่ผู้คนเกรงกลัว แม่มด อย่างไรเล่า” “ข้าเป็นสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ ผู้โหดเหี้ยม ข้าคือแฟร็งเก้นสไตส์” “ลืมเรื่องที่ข้าจะสิ้นชีพไปได้เลยเพราะข้าคือซอมบี้” และแล้วเหล่าปีศาจก็ถามขึ้นว่า “นายเล่าเป็นปีศาจอะไรกัน?” “ฉันคือมนุษย์ขยะ” เหล่าปีศาจหัวเราะขึ้นพร้อมๆกันในทันใด

image

มนุษย์ขยะรวมกลุ่มปะปนไปกันพวกเหล่าปีศาจทั้งหลาย วนไปรอบเมือง “เลี้ยงหรือหลอก เลี้ยงหรือหลอก ถ้าไม่เลี้ยงขนมพวกเรา พวกเราจะหลอกนะ” พวกผู้ใหญ่ได้แบ่งขนมให้เหล่าปีศาจเด็กที่มาเคาะประตู ส่วน เหล่าปีศาจเด็กนั้นก็แจกลูกโป่งให้กับเด็กเล็กที่อายุ น้อยกว่าตน

มนุษย์ขยะเป่าลูกโป่งลอยได้ลูกโต ทำให้พวกเด็กดีใจกัน อย่างมาก “มาเถอะ ไปบ้านต่อไปกันเลยมนุษย์ขยะ””

 

image

วนไปเคาะบ้านนี้ทีบ้านนั้นที ในที่สุดตะกร้าของเหล่า ปีศาจก็เต็มไปด้วยขนม

เมื่อระฆังที่หอนาฬิกาดังขึ้น ทุกคนได้เริ่มเตรียมตัวกลับ บ้าน มนุษย์ขยะจึงเข้าไปถามหนึ่งในพวกปีศาจ “ฮาโลวีนนี่มันสนุกดีจริงๆนะ พรุ่งนี้เรามากันอีกนะ” “นายพูดอะไรของนายมนุษย์ขยะ ฮาโลวีนมันมีแค่วันนี้ นะ” เมื่อพูดจบแบบนั้นแล้ว เหล่าปีศาจก็เริ่มถอดหน้ากากของ ตนออก เด็กน้อยตัวกลมชื่ออันโตนิโอออกมาจากฟักทอง เด็กหญิงรีเบคก้าออกมาจากหน้ากากแม่มด และยังทยอย กันออกมาอีกทีละคน อ้าว จริงๆแล้วทุกคนแค่แต่งตัวเป็นปีศาจกันเท่านั้นเอง

image

“แล้วนี่นายเป็นอะไร ทำไมไม่ถอดชุดนายออกด้วยเล่า มนุษย์ขยะ” “นั่นสิ ชุดสรกปรกเหม็นเน่าแบบนี้นายก็ไม่ได้ชอบใช่ ไหม?” ว่าดังนั้นรีเบคก้าก็เอื้อมมือมาพยามที่จะดึงหัวมนุษย์ขยะ “โอ๊ย เจ็บ เจ็บ”“

image

“ว้ากกก” รีเบคก้าตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังมาก “เขา เขา เขาไม่ได้แต่งตัวเป็นปีศาจ” พวกเด็กผู้ชายรีบถ่อยห่างจากมนุษย์ขยะทันที

“ไอ้ปีศาจ ไปทางโน้นเลย ไป ไป” “ออกจากเมืองไปนะ ไอ้มนุษย์ขยะ!! ให้คลื่นซัดจมหาย ไปในทะเลเลย” พวกเด็กผู้ชายตะโกนคำหยาบคายใส่คำแล้วคำเล่า

image

ข่าวลือเกี่ยวกับมนุษย์ขยะแพร่กระจายไปทั่วเมือง “ไอ้มนุษย์ขยะ”

“ปีศาจมา ปีศาจมา” แม้มนุษย์ขยะจะพยายามพูดด้วยกลับมีแต่คนไล่ “ไปทางโน้นเลย ไป ไอ้มนุษย์ขยะ” “อย่ามาทางนี้นะ ตัว อะไรเหม็นมากเลย” ไม่มีใครอยากคุยกับมนุษย์ขยะเลย มนุษย์ขยะจึงมานั่งพักหายใจกับลมหายใจเหม็นๆของตน อยู่ทีม้านั่ง และตอนนั้นเอง “นายใช่ไหมมนุษย์ขยะที่เขาลือกัน มีคนบอกว่านายไม่ได้ แกล้งแต่งตัวเป็นปีศาจหรือ?”

image

พอเขาหันไปมองก็เห็นเด็กชายที่มีเขม่าเปื้อนไปทั้งตัวยืน อยู่ เด็กชายไม่ได้คิดจะเดินหนีไปไหนแม้จะรู้ตัวตนจริงๆของ มนุษย์ขยะ “เราชื่อลูบิชชี่ เป็นคนทำความสะอาดปล่องควัน แล้วนาย เล่าชื่ออะไร?” “….เอ๊ะ เออ เออ”

“นายไม่มีชื่อหรอ งันก็ตั้งสิ ใช่แล้วเอาแบบนี้สิ …..นายปรากฏตัววันฮาโลวีน ถ้างันนายใช้ชื่อฮาโลวีน ปูแปลล์แล้วกัน”

image

“ฮาโลวีน ปูแปลล์แล้วนายมาทำอะไรอยู่ตรงนี่เล่า?” “ไม่มีใครอยากเล่นกับเราน่ะสิ”

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ลูบิชชี่หัวเราะเมือปูแปลล์พูดออกมาเช่นนั้น “มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะปูแปลล์ นายทั้งสรกปรกแล้วก็ ยังเหม็นมากซะด้วย” “นายกล้าพูดแบบนั้นไม่ดูตัวเองเลยนะลูบิชชี่ ตัวนายดำ เมี่ยมขนาดนี้”

image

“เราเพิ่งเลิกงานอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน เขม่าควันก็ต้อง ติดไปทั่วอย่างที่เห็น” “งานทำความสะอาดปล่องไฟนี่มันเป็นงานของผู้ใหญ่ ไม่ใช่หรือ?” “เราไม่มีพ่อแล้ว เราก็เลยต้องออกมาทำงานน่ะ ว่าแต่… นายเหม็นขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกนะที่จะโดน เกลียดเอา ไปล้างตัวที่สนามหญ้าบ้านเราแล้วกัน” “เอ๊ะ ได้จริงๆหรือ?” “ยังไงเราก็ต้องล้างตัวก่อนเข้าบ้านอยู่แล้ว นายก็มาล้าง ตัวไปด้วยกันซะเลยสิ” “ลูบิชชี่ ทำไมนายถึงไม่หนีเราล่ะ” “นายมีกลิ่นที่เราคุ้นเคยมากๆน่ะสิ นี่กางเกงในตัวที่เรา ทิ้งไปมันไปปนอยู่ในตัวนายหรือเปล่านะ?”

image

ลูบิชชี่ลากสายยางมาฉีดตัวปูแปลล์ไปทุกซอกทุกมุม คราบสรกปรกหลุดไปและกลิ่นเหม็นก็ดีขึ้นอย่างมาก “ขอบคุณมากนะลูบิชชี่” “แต่…..ปากยังเหม็นอยู่เลย ลองหายใจออกหน่อยสิ” ปูแปลล์ทำตามด้วยการหายใจออก “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหม็นจริงๆปูแปลล์ กลิ่นแก๊ซน่ะ ขัดไปก็ไม่ ช่วยให้หายเหม็นหรอก”

วันนั้นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันจนดึก

image

“วันนี้ลูกไปเล่นกับมนุษย์ขยะมาหรือ?” “ไม่เป็นอะไรหรอกแม่ครับ ปูแปลล์ไม่ใช่คนไม่ดีนะครับ” “ความอยากรู้อยากเห็นของลูกนี่ได้มาจากพ่อนะนี่” ในเมืองนี้มีเพียงพ่อของลูบิชชี่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ ประกอบอาชีพเป็นชาวประมง

ซึ่งเมือฤดูหนาวปีที่แล้วพ่อของเขาโดนคลื่นซัดหายตาย จากไป พบเพียงซากเรือที่พังแล้วเท่านั้น ผู้คนในเมืองนี้เชื่อกันว่า ในทะเลนั้นมีปีศาจอาศัยอยู่ การ ออกทะเลนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม คนในเมืองจึงพูดกันว่ามันเป็น “กรรมตามสนอง” “แม่ครับ แม่ชอบพ่อตรงไหนครับ?” “ความขี้อายและความน่ารักมั้ง ถ้ามีเรื่องดีใจนะ พ่อจะ เอานิ้วชี้เขี่ยใต้จมูกแบบนี้ ทันทีเลย”

image

วันต่อมา ปูแปลล์กับลูบิชชี่ได้พากันปีนขึ้นไปบนปล่องไฟ “ลูบิชชี่ เรากลัว” “จับเอาไว้ให้แน่นๆนะ ไม่เป็นอะไรหรอก แต่อยู่ๆมันจะมี ลมพัดมาบ้าง ระวังจะทำอะไรหล่นลงไปแล้วกัน” “นายเคยทำอะไรหล่นลงไปด้วยหรือ” “ใช่ สร้อยคอสีเงินที่มีรูปพ่อเราอยู่ในนั้น

รูปพ่อเหลือแค่ใบนั้นใบเดียวด้วย หาเท่าไหร่ๆก็หาไม่ เจอ” ลูบิชชี่ชี้ไปที่คลองน้ำเน่าที่เป็นที่ทิ้งสิ่งปฏิกูล “มันตกลงไปในคลองน้ำเน่านั่นหนะ”

image

“นี่ปูแปลล์ นายรู้จัก “ดวงดาว” หรือเปล่า?” “ดวงดาวงันหรอ?” “ที่เมืองนี้ถูกปกคลุมไปด้วยควันดำใช่ไหม? มันเลยทำให้ เรามองไม่เห็น แต่ว่านะ เหนือควันดำพวกนั้นขึ้นไปมันมีสิ่งที่เรียกว่า “ดวงดาว” เป็นหินส่องแสงระยิบระยับลอยอยู่ มันไม่ได้มีแค่หนึ่งดวง สองดวง พันดวงหรือหมื่นดวงนะ มันมีมากกว่านั้นอีก”

“มันจะมีเรื่องบ้าๆแบบนั้นได้ยังไงกัน นายโกหกใช่ไหม?” “…พ่อเราเคยเห็น”ดวงดาว”นั่นมาแล้ว” ตอนที่พ่อเราออกทะเลไปไกลมากๆ ในที่ที่มองขึ้นไปแล้ว ไม่มีควันดำบดบัง ณ ที่แห่งนั้นมี “ดวงดาว” ที่ส่องแสงสว่างระยิบระยับลอย อยู่สูงขึ้นไป ผู้คนในเมืองไม่มีใครเชื่อ พ่อถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกหก กระทั่งตายจากไป แต่ว่า พ่อบอกเอาไว้ว่า “เหนือควันสีดำมืดนั้น มีดวง ดาว” แล้วพ่อก็สอนวิธีดูดวงดาวให้กับเราด้วยนะ” ลูบิชชี่แหงนหน้าขึ้นมองกลุ่มควันสีดำ “จงเชื่อมั่นเอาไว้เถิดแม้ว่าจะเหลือเพียงเราคนเดียว”

image

ในวันต่อมา ปูแปลล์ที่มารออยู่ที่จุดนัดหมายนั้นมีกลิ่น เหม็นโชยออกมาจากตัว อีกวันถัดมา และในอีกวันถัดมาก็ยังเป็นเช่นนั้นอีก “ร่างกายปูแปลล์นี่ไม่ว่าจะล้างยังไงกลิ่นเหม็นก็ไม่หายไป นะ” ลูบิชชี่พูดว่าเหม็นๆแล้วก็ใช้ชิ้วอุดจมูกไปด้วย แต่ยังช่วย ล้างตัวให้ปูแปลล์ทุกวัน

image

และแล้ววันหนึ่งก็มีเรื่องเกิดขึ้น ปูแปลล์ปรากฎตัวในสภาพที่ไม่เหมือนเดิม “เกิดอะไรขึ้นปูแปลล์? ไปทำอะไรมา?” ขยะที่ติดอยู่ที่หูซ้ายของปูแปลล์ได้หลุดหายไป

“มีคนว่าเราว่า เราอยู่ที่นี่มันทำให้เมืองสรกปรก” “ได้ยินไหม?” “ไม่ ไม่ได้ยินอะไรจากทางหูข้างซ้ายเลย คงเพราะขยะที่ติดอยู่ที่หูซ้ายหลุดเลยทำเราไม่ได้ยินอะไร จากหูซ้ายแล้ว” “จะทำอำไรได้ ก็เรามันเป็นตัวปีศาจ”

image

วันต่อมา พวกของอันโทนี่ล้อมตัวลูบิชชี่เอาไว้

“ลูบิชชี่ นี่นาย รู้ไหมว่าเดนนิชป่วยเป็นหวัดนอนซมอยู่ เขาอาจจะติดเชื้อโรคมาจากมนุษย์ขยะก็เป็นได้?” “ปูแปลล์ล้างตัวทุกวัน ไม่มีหรอกเชื้อโรคอะไรนั่น” “โกหก!!! ไอ้มนุษย์ขยะนั้นเมื่อวานก็เหม็นมากๆ บ้านนายมันเป็นพวกขี้โกหก โกหกทั้งพ่อทั้งลูก” แต่ร่างกายของปูแปลล์แม้จะล้างยังไง วันถัดมาก็ยังส่ง กลิ่นเหม็นอยู่ดี ลูบิชชี่จึงไม่สามารถโต้แย้งใดๆกลับไปได้ “จะมัวไปเล่นกับมนุษย์ขยะอยู่ทำไม ดูสถานการณ์บ้างสิ นายมาอยู่ข้างพวกเราจะดีกว่า”

image

ระหว่างที่ลูบิชชี่เดินอย่างช้าๆกลับบ้านนั้น ปูแปลล์ก็ ปรากฏตัว “นี่ นี่ ลูบิชชี่ ไปเล่นกันเถอะ” “……ทำไมถึงส่งกลิ่นเหม็นอีกแล้ว รู้ไหมว่าที่เราโดน แกล้งที่โรงเรียนวันนี้ก็เพราะนายส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว เพราะตัวของนายที่ไม่ว่าจะล้างเท่าไหร่ก็ยังเหม็น!!” “ลูบิชชี่ เราขอโทษ”

“เราจะไม่มาเจอนายแล้ว จะไม่มาเล่นกับนายอีกแล้ว”

image

จากวันนั้น เพื่อนทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีก ตั้งแต่วันที่ปูแปลล์ไม่ได้เจอลูบิชชี่ก็ไม่มีโอกาสได้ล้างตัว อีกเลย ความสรกปรกสะสมมากขึ้นไปเรื่อยๆ แมลงวันตอมไปทั่ว ร่าง ยิ่งทวีความเหม็นมากขึ้นมากขึ้นไป ยิ่งนับวันกิตติศัพท์ของปูแปลล์ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ไม่มีใครเข้าใกล้ปูแปลล์เลย

image
image

ในคืนที่ค่อนข้างเงียบคืนหนึ่ง มีเสียงดัง ก๊อก ก๊อก ที่หน้าต่างห้องของลูบิชชี่

เมื่อเขามองออกไป เขาเห็นร่างของปูแปลล์ที่เปลี่ยนไปจน แทบจะจำไม่ได้ที่นอกหน้าต่างนั้น ร่างกายเปรอะเปื้อนดำมอมแมม และแขนข้างหนึ่งหายไป คงจะโดนพวกของอันโตนิโอแกล้งมาอีกเป็นแน่ ลูบิชชี่รีบวิ่งไปเปิดหน้าต่าง “ปูแปลล์เกิดอะไรขึ้น? เรากับนายไม่……..” “……มาเถอะ” “พูดอะไรของนาย?” “ตามมาเถอะน่าลูบิชชี่”

image

“เดี๋ยวสิ นายจะไปไหนน่ะ” “ต้องรีบแล้ว ต้องไปก่อนที่จะมีคนมาเอาชีวิตเราไป” “ไปที่ไหนหรือ” “ต้องรีบนะ เราต้องรีบไปกันแล้ว”

image

จุดหมายที่ทั้งสองไปถึงคือหาดทรายร้างที่ไม่มีคนเข้าถึง “ขึ้นมาสิลูบิชชี่” “พูดอะไรของนาย เรือลำนี้มันพังแล้วมันแล่นไปไหนไม่ได้ หรอกนะ” ปูแปลล์ไม่ได้สนใจคำพูดนั้นแต่เริ่มล้วงลูกโป่งจำนวน มากออกมาจากกระเป๋า ฟู่ ฟู่ ฟู่ เขาเป่าแล้วก็เป่า เป่าลูกโป่งให้พองใหญ่

ฟู่ ฟู่ ฟู่ .. ฟู่ ฟู่ ฟู่ “นี่ ปูแปลล์ ทำอะไรของนาย?” ฟู่ ฟู่ ฟู่ .. ฟู่ ฟู่ ฟู่ “ต้องรีบแล้ว ต้องรีบแล้ว ก่อนที่จะมีคนมาเอาชีวิตเราไป” ปูแปลล์ค่อยๆผูกลูกโป่งที่ถูกเป่าจนพองใหญ่แล้วเข้ากับ เรือ ทีละลูก ทีละลูก

image

ลูกโป่งนับร้อยถูกผูกติดกับเรือ

“จะไปแล้วนะลูบิชชี่” “ไปไหน” “ข้างบนโน้น เหนือกลุ่มควันดำโน่นไง” ปูแปลล์ปลดเชือกที่ผูกเรือเอาไว้ออก “เราจะไปดูดวงดาวกัน”

image

เรือที่ถูกลูกโป่งมากมายผูกเอาไว้เริ่มลอยขึ้นไปช้าๆ “นี่ เรือนี่มันจะไม่เป็นอะไรแน่นะ” เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้มองเมืองจากที่สูงๆขนาดนี้ วิวตอนยามค่ำคืนของเมืองนั้นสวยงามมากทีเดียว “เอาหล่ะ กลั้นหายใจเอาไว้นะ เรากำลังจะเข้าไปในกลุ่ม ควันดำกันแล้ว”

image

สวบ สวบ สวบ สวบ พวกเขามองไม่เห็นอะไรเลยขณะที่อยู่ในกลุ่มควันดำนั้น มีแต่ความมืดมิด สวบ สวบ ปะปนไปกับเสียงลม มีเสียงปูแปลล์ลอยมาว่า “จับให้แน่นๆนะลูบิชชี่” ยิ่งลอยขึ้นไปสูงขึ้นสูงขึ้นเท่าไหร่ ลมก็พัดมาแรงขึ้นแรง ขึ้นเท่านั้น

image

“ลูบิชชี่ ลองมองขึ้นไปข้างบนสิ เรากำลังจะหลุดออกจาก กลุ่มควันดำนี่แล้วนะ อย่าหลับตาเชียวนะ” สวบ สวบ สวบบบบ

image
image

“ว้าว….พ่อไม่ได้โกหกจริงๆด้วย” ที่นั่น มีจุดแสงนับไม่ถ้วนแผ่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้ามืดสีดำ

เมื่อใช้เวลาจ้องดูดวงดาวไปพักใหญ่ ปูแปลล์ก็พูดขึ้นว่า “ขากลับนายก็แค่ค่อยๆปลดลูกโป่งออกจากเรือ แต่จำไว้ ว่าห้ามปลดทั้งหมดพร้อมกันนะ ถ้าปลดออกพร้อมกันทั้งหมดเรือจะตกลงไปเลย ต้อง ค่อยๆปลดออกทีละลูก ทีละลูกนะ…” “ปูแปลล์ พูดอะไรของนาย เราจะกลับไปด้วยกันไม่ใช่ หรือ?” “เราอยู่กับนายได้แค่นี้ เราดีใจมากนะที่ได้มาดูดวงดาวกับนาย”

image

“นายพูดอะไรแบบนั้น กลับไปด้วยกันเถอะนะ” “นี่ลูบิชชี่ สร้อยคอที่นายทำหายไป เราพยายามหามา ตลอด คลองน้ำเน่านั่นน่ะ พวกขยะมันจะไหลไปรวมกันที่โรงงาน บำบัด เราเลยคิดว่าสร้อยของนายมันก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย”

image

“นายพูดอะไรแบบนั้น กลับไปด้วยกันเถอะนะ” “นี่ลูบิชชี่ สร้อยคอที่นายทำหายไป เราพยายามหามา ตลอด คลองน้ำเน่านั่นน่ะ พวกขยะมันจะไหลไปรวมกันที่โรงงาน บำบัด เราเลยคิดว่าสร้อยของนายมันก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย”

image

“ปูแปลล์ งันสาเหตุนี้สินะทำให้ตัวนาย….. ทั้งที่เราทำ เรื่องแย่ๆขนาดนั้นกับนาย” “ไม่เป็นอะไรหรอก ตอนที่นายมาทักเราครั้งแรก

ตั้งแต่ตอนนั้นเราตัดสินใจไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะเพื่อนนายตลอดไป” น้ำตาไหลออกมาจากตาของลูบิชชี่ “สุดท้าย ที่โรงงานบำบัดนั่นเราก็หาสร้อยของนายไม่เจอ แต่เราน่าจะนึกได้ก่อนหน้านี้ นายเคยพูดเอาไว้ว่า “เรามี กลิ่นที่นายคุ้นเคย” แล้วปูแปลล์เอื้อมมือไปกางร่มพังๆเก่าๆบนหัวออก “มันอยู่ตรงนี้มาตลอด”

image

ในร่มคันนั้น มีสร้อยคอสีเงินพันติดอยู่ “สร้อยคอที่นายหามาตลอด คือสมองของเราเอง” กลิ่นที่คุ้นเคยที่นายพูดถึงมันคือเจ้านี่นี่เอง ตอนที่ขยะที่ติดอยู่ที่หูมันหลุดออกไป เราก็ไม่ได้ยินอะไร จากหูซ้ายอีกเลย ซึ่งมันก็จะเป็นเหมือนกันคือ ถ้าสร้อยคอเส้นนี้หายไป เรา คงขยับไม่ได้อีกต่อไป

แต่ว่านะ สร้อยเส้นนี้มันเป็นของของนาย.. ตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน เรามีความสุขมากจริงๆ ขอบคุณมากนะลูบิชชี่ ล่าก่อน…. เมือพูดจบ ตอนที่ปูแปลล์กำลังเอื้อมมือไปเพื่อจะดึงสร้อย ออกมานั้น

image

“ไม่นะ!!” ลูบิชชี่จับมือของปูแปลล์เอาไว้แน่น “ลูบิชชี่ ทำอะไรของนาย สร้อยเส้นนี้มันเป็นสร้อยของ นายนะ”

แล้วก็นะ ถึงเราจะอยู่ไปแบบนี้ สักวันพวกของอันโตนิโอ จะมาพังเราออกเป็นชิ้นๆ ทีนี้สร้อยของนายมันก็จะหายไปจริงๆ แล้วนายก็จะไม่มีวันได้เห็นรูปพ่อนายอีกเลยนะ” “งันเราสองคนก็หนีไปด้วยกันสิ” “อย่าพูดเรื่องบ้าๆสิ ถ้ามีใครมาเจอนายอยู่กับเราแล้วละ ก็ นายจะโดนทำร้ายเอาได้นะ” “เรื่องแค่นั้นไม่เป็นไรน่า เราจะผ่านเรื่องร้ายๆนี้ไปด้วยกัน เรามีกันและกันนะ”

image

“ปูแปลล์ มาเจอกันทุกวันนะ แบบนั้นเราก็สามารถดูรูป พ่อได้ทุกวันไง งันเรามาเจอกันทุกๆวัน มาเล่นด้วยกันทุกวันเลยนะ” น้ำตาไหลออกจากตามนุษย์ขยะไม่ขาดสาย จะได้เล่นกับลูบิชชี่ทุกวัน… นี่เหมือนเป็นสิ่งที่เขาเฝ้าวอน ขอมาตลอด มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลย

“ปูแปลล์ ดวงดาวนี่มันสวยงามมากมากเลยเนาะ ขอบคุณนะที่พามา เราโชคดีจริงๆที่ได้มาเจอกับนาย” ปูแปลล์พูดอย่างเขินๆออกมาว่า

image

“พอเถอะน่าลูบิชชี่ มันเขินนะ” พูดไปแล้วก็อานิ้วชี้เขี่ยที่ใต้จมูกไปด้วย

image

“อาาา… ขอโทษนะปูแปลล์ เราน่าจะรู้ได้เร็วกว่านี่ ใช่ ใช่เลย…”

วันฮาโลวีนมันเป็นวันที่วิญญาณของคนที่ตายแล้วจะกลับ มาไงเล่า” “นายพูดเรื่องอะไรหรือ? ลูบิชชี่” “ฮาโลวีน ปูแปลล์ เรารู้แล้วว่าจริงๆนายคือใคร”

image

“ตั้งใจกลับมาหาผมใช่ไหมครับ คุณพ่อ”

จบ

Illustrator,Writer,Director AKIHIRO NISHINO

image

【amazon】
『PoupeIIe Of ChimneyTown』